ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมประกาศเจตนารมณ์ รวมพลัง ภาคตลาดทุน ตลาดเงิน ร่วมก่อตั้ง “โครงการกองทุนเพื่อการพัฒนาธรรมาภิบาลและสนับสนุนการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน” โดยนางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ร่วมกับภาคสังคมคือ มูลนิธิประเทศไทย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 14 บริษัทที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ภายใต้การบริหารรวมกันมากถึง 93% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งอุตสาหกรรมได้ร่วมกัน ประกาศเจตนารมณ์ก่อตั้งโครงการ “กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย” เพื่อลงทุนในบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการกำกับกิจการที่ดีหรือมีธรรมาภิบาลที่ดี และมีการต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อเป็นแรงจูงใจในการพัฒนาระบบธรรมาภิบาล โดยจะร่วมกันกำหนดหุ้นที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์มาอยู่ในกลุ่มหรือตะกร้าหุ้นเดียวกัน จากนั้น บลจ.แต่ละแห่งจะจัดตั้งกองทุนของตัวเองและคัดเลือกหุ้นจากในตะกร้าเพื่อลงทุน โดยคาดว่าจะจัดตั้งกองทุน และเริ่มเสนอขายหน่วยลงทุนต่อประชาชนได้กลางปีนี้ นอกจากนี้ จะแบ่งรายได้จากค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุน ที่ บลจ.จะได้รับราว 40% ไปสนับสนุนองค์กร หรือโครงการที่มีแนวคิดในการเสริมสร้างธรรมาภิบาลและต่อต้านคอร์รัปชัน “กองทุนฯนี้ถือเป็นนวัตกรรมการลงทุนทางสังคมแบบใหม่ และน่าจะเป็นกองทุนธรรมาภิบาลกองแรกของโลกที่มาจากความร่วมมือกันทุกส่วน โดยเชื่อมั่นว่าผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีในระยะยาว ย่อมมาจากกิจการที่มีธรรมาภิบาล นอกจากผลตอบแทนที่เป็นเม็ดเงินแล้ว นักลงทุนและสังคมยังได้รับผลตอบแทนด้านอื่นๆด้วย” ด้านนายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า นอกจากกองทุนนี้จะลงทุนหรือสนับสนุนบริษัทที่มีธรรมาภิบาลที่ดีแล้ว ยังเห็นว่าควรมีการต่อต้าน หรือไม่ลงทุนในบริษัทที่เอาเปรียบ ทุจริตหรือไม่มีธรรมาภิบาลที่ดีด้วย นอกจากนี้ยังเห็นว่าผู้จัดการกองทุนหรือผู้ลงทุนสถาบันควรจะเข้าไปร่วมในการประชุมผู้ถือหุ้น โดยประกาศจุดยืนให้ชัดเจนก่อนการประชุมว่าจะสนับสนุนหรือคัดค้านการดำเนินการของบริษัทในเรื่องใด รวมทั้งไปใช้สิทธิตั้งคำถามในการประชุมผู้ถือหุ้นด้วย.